เมนู

2. ปุริสสูตร



[328] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
แห่งท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.
ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่
ประทับ ครั้นแล้วจึงทรงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วประทับนั่ง ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้ทูล
พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมก็อย่างเมื่อบังเกิดขึ้นใน
ภายในของบุคคล ย่อมบังเกิดขึ้นเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เพื่อความทุกข์
เพื่อความอยู่ไม่สบาย.
[329] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนมหาบพิตร ธรรม 3
อย่าง เมื่อบังเกิดขึ้นในภายในของบุรุษ ย่อมบังเกิดขึ้นเพื่อความไม่เป็น
ประโยชน์ เพื่อความทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่สบาย ธรรม 3 อย่างเป็นไฉน
ธรรม 3 อย่าง คือ.
1. โลภะ
2. โทสะ
3. โมหะ

ดูก่อนมหาบพิตร ธรรม 3 อย่างนี้แล เมื่อบังเกิดขึ้นในภายในของ
บุคคล ย่อมบังเกิดขึ้นเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เพื่อความทุกข์ เพื่อความ
อยู่ไม่สบาย.
[330] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์
คำร้อยแก้วนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาคำร้อยกรองต่อไปอีกว่า
โลภะ โทสะ และโมหะ ที่เกิดขึ้น
ในตนย่อมฆ่าบุคคลผู้ใจบาป เหมือนขุย
ไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่ ฉะนั้น.


อรรถกถาปุริสสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในปุริสสูตรที่ 2 ต่อไป :-
บทว่า อภิวาเทตฺวา ความว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงอภิวาท
ในสูตรนี้ ก็เพราะทรงถึงสรณะแล้วในสูตรก่อน. บทว่า อชฺฌตฺตํ ได้แก่
ภายในตัวเอง อธิบายว่า เกิดขึ้นในสันดานของตน. บรรดาอกุศลมูล 3 มี
โลภะเป็นต้น โลภะมีลักษณะละโมบ โทสะมีลักษณะขัดเคือง โมหะมีลักษณะ
ลุ่มหลง. บทว่า หึสนฺติ ได้แก่ เบียดเบียน ทำให้เสียหาย ทำให้พินาศ.
บทว่า อตฺตสมฺภูตา แปลว่า เกิดแล้วในตน. บทว่า ตจสารํว สมฺผลํ
ความว่า ผลของตัวเอง ย่อมเบียน คือ ทำต้นไม้ที่มีเปลือกเป็นแก่น ไม่ว่า
ต้นไผ่หรือต้นอ้อให้พินาศ ฉันใด อกุศลมูลทั้งหลาย ก็เบียน คือทำให้พินาศ
ฉันนั้น.
จบอรรถกถาปริสสูตรที่ 2